- การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ (Pacemaker Implantation) คืออะไร
- การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ เพื่อช่วยให้หัวใจเต้นได้เป็นจังหวะปกติ โดยทั่วไปใช้ในคนที่หัวใจเต้นช้า หรือมีการนำไฟฟ้าผิดปกติในห้องหัวใจ
- การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ มีข้อดีอย่างไร
- ช่วยลดอาการจากการที่หัวใจเต้นช้า หรือหยุดเต้น ได้แก่ เหนื่อยง่าย หน้ามืด เป็นลม
- ช่วยในการควบคุมจังหวะหัวใจผิดปกติที่ซับซ้อน เช่น มีทั้งภาวะหัวใจเต้นผิดปกติแบบช้า และเร็วร่วมกัน
- วิธีการใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ มีกี่แบบอะไรบ้าง
- การใส่สายที่เยื่อบุหัวใจด้านใน (Endocardial Lead) เป็นวิธีที่ใส่โดยทั่วไป
- การใส่ที่เยื่อบุหัวใจด้านนอก (Epicardial Lead) มักใส่ในผู้ป่วยเด็ก หรือหลังจากผ่าตัดหัวใจ
- ขั้นตอนการใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ
- ใส่สายกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ (Leads) เข้าไปในห้องหัวใจผ่านทางเส้นเลือดดำใหญ่
- ติดเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ (Pulse Generator) เข้ากับสายกระตุ้น
- ฝังเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจไว้ใต้ผิวหนังบริเวณหน้าอก
- การทำงานของเครื่องเป็นอย่างไร
- เครื่องจะตรวจการส่งสัญญาณไฟฟ้าในหัวใจ ถ้าพบว่ามีการนำไฟฟ้าที่ช้ากว่าปกติ หรือนำไฟฟ้าติดขัดรุนแรง เครื่องจะกระตุ้นเพื่อให้หัวใจบีบตัวได้ปกติตามที่ควรจะเป็น
- เครื่องจะมีการบันทึกในกรณีเต้นเร็วผิดปกติไว้ด้วย เพื่อช่วยในการติดตามดูแลต่อเนื่องในระยะยาว
- เมื่อใส่แล้วมีความเสียงหรือภาวะแทรกซ้อนที่จะเกิดขึ้นหรือไม่
- ในระยะสั้น แผลบริเวณใส่เครื่องอาจมีอาการบวมช้ำได้ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ได้รับยาละลายลิ่มเลือดร่วมด้วย
- สายมีการเลื่อน หรือหลุดออกจากตำแหน่งได้ (พบได้น้อย)
- หัวใจเต้นผิดปกติซึ่งสัมพันธ์กับการใส่เครื่อง (พบได้น้อย)
- การปฏิบัติตัวภายหลังการใส่เครื่อง
- พบแพทย์เพื่อติดตามการทำงานของเครื่อง และแผลผ่าตัด ช่วงแรกจะนัดประมาณ 2 สัปดาห์ 3 เดือน หลังจากการทำงานของเครื่อง และแผลปกติ จะนัดติดตามอาการทุก ๆ 6 เดือน
- หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้แหล่งที่มีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแรงสูง เช่น ลำโพงตัวใหญ่ เสาไฟฟ้าแรงสูง หรือเครื่องตรวจวัตถุที่ท่าอากาศยาน
- รีบพบแพทย์หากบริเวณแผลที่ใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ มีอาการปวด บวม หรือมีอาการที่สงสัยเกิดจากการทำงานของเครื่องผิดปกติ