โรคตาที่เกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์

โรคตาที่เกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์

ปัจจุบันคอมพิวเตอร์เข้ามามีส่วนมีชีวิตประจำวันมากขึ้น โดย 70-80 % ผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์นานกว่า 2 ชั่วโมงติดต่อกันใน 1 วัน จะมีปัญหาทางตาเกิดขึ้นได้แก่

  • ตาแห้ง, น้ำตาไหล เนื่องจากการจ้องคอมพิวเตอร์ เป็นเวลานาน ทำให้การกระพริบตาลดลง การระเหยของน้ำตาเพิ่มขึ้น
  • ปวดเมื่อยตา, ล้าตา ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง
  • ตาพร่า, มองไกลไม่ชัด หรือต้องการเวลาในการโฟกัสภาพนานขึ้น
  • ปวดศีรษะ
  • ในเด็กจะส่งผลต่อสายตา ทำให้สายตาสั้นมากขึ้น ทำให้เกิดภาวะสายตาสั้นเทียม จากการเกร็งของกล้ามเนื้อในลูกตา

ข้อแนะนำ

  • ใช้คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือเท่าที่จำเป็น
  • หมั่นทำความสะอาดหน้าจอ หน้าจอที่สกปรกหรือมีคราบมัน จะมีแสงกระจายมากทำให้ภาพไม่ชัด
  • เครื่องคอมพิวเตอร์ควรตั้งให้ห่างจากตาของผู้ใช้มากกว่าระยะปกติที่ใช้ในการอ่านหนังสือเล็กน้อย
  • ส่วนบนสุดของจอคอมพิวเตอร์ ควรอยู่ตรงกับระดับสายตา หรือต่ำกว่าเล็กน้อย
  • เอกสารที่จะต้องใช้ดู ควรอยู่ใกล้กับจอภาพมากที่สุด เพื่อลดการเคลื่อนไหวของศีรษะและการกลอกตาไปมาให้น้อยที่สุด และตาจะได้ไม่ต้องปรับเปลี่ยนโฟกัสด้วย
  • แสงไฟในบริเวณนั้นไม่ควรให้จ้ามาก ควรจัดให้เกิดเงาสะท้อนน้อยที่สุด ไม่ควรใช้สายตาจ้องคอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์มือถือในที่มืด
  • ควรมีการหยุดพักเป็นระยะ ๆ เพื่อไม่ให้ร่างกายและตาเกิดการเมื่อยล้า ใช้คอมพิวเตอร์ 20 นาที หลับตา 20 วินาที ลืมตามองไปไกล 20 ฟุต
  • การกระพริบตาบ่อย ๆ จะช่วยหล่อลื่นดวงตา ไม่ทำให้เกิดอาการตาแห้ง ถ้ายังไม่ดีขึ้น อาจใช้น้ำตาเทียมหยอดตาเป็นครั้งคราว
  • ควรใช้แว่นสายตาที่เหมาะสม จะช่วยให้สบายตาขึ้น ลดอาการปวดเมื่อยตา

ผู้ที่อายุมากกว่า40 ปี ที่ต้องใช้แว่นดูใกล้ในการอ่านหนังสือ แว่นตาที่เคยใช้ประจำอาจใช้ไม่ได้ เนื่องจากคอมพิวเตอร์อยู่ห่างกว่าและสูงกว่าระยะอ่านหนังสือปกติ ในผู้ที่ใช้ แว่นสองชั้น (Bifocals) อาจต้องทำให้ส่วนล่างซึ่งใช้ดูใกล้อยู่สูงกว่าเดิม

สวัสดี!

ติดต่อกับเราได้อย่างง่ายดายกว่าที่เคย

ติดตามข่าวสาร

จากโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต

กรุณากรอกอีเมลคุณเพื่อรับข่าวสารจากโรงพยาบาล