เป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบของข้อต่อ ซึ่งอาจเกิดจากสาเหตุต่างๆ เช่น การติดเชื้อ โรคภูมิต้านตนเอง อุบัติเหตุ หรือการบาดเจ็บจากการทำงาน โรคไขข้อสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท ขึ้นอยู่กับสาเหตุและลักษณะของโรค
แนวทางการรักษาโรคไขข้อ
การรักษาโรคไขข้อขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรงของโรค ดังนี้
- การรักษาตามอาการ มักใช้ยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช้สเตียรอยด์ (NSAIDs) เพื่อบรรเทาอาการปวดและอักเสบ
- การรักษาด้วยยา ยาที่ใช้รักษาโรคไขข้อมีหลายชนิด ขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรงของโรค เช่น
- ยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช้สเตียรอยด์ (NSAIDs) ช่วยลดอาการปวดและอักเสบ
- ยาสเตียรอยด์ (Corticosteroid) ช่วยลดอาการอักเสบและบวมรุนแรง
- ยารักษาโรคภูมิต้านตนเอง (Immunosuppressants) ช่วยลดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
- ยาต้าน TNF-α (Tumor necrosis factor-α inhibitors) ช่วยลดการอักเสบ
- ยาต้าน IL-1 (Interleukin-1 inhibitors) ช่วยลดการอักเสบ
- ยาชีวภาพ (Biologics) ช่วยลดการอักเสบและทำลายเนื้อเยื่อ
- การรักษาด้วยการผ่าตัด อาจพิจารณาทำการผ่าตัดเพื่อซ่อมแซมข้อหรือเปลี่ยนข้อเทียมในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงและรักษาด้วยวิธีอื่นไม่ได้ผล
การดูแลตนเองเมื่อเป็นโรคไขข้อ
นอกจากการรักษาตามคำแนะนำของแพทย์แล้ว ผู้ป่วยโรคไขข้อควรดูแลตนเองดังนี้
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- ลดน้ำหนักหากมีน้ำหนักเกิน
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารหวานจัด
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดอาการ
โรคไขข้อที่พบบ่อย
- โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ เป็นโรคภูมิต้านตนเองที่ทำให้เกิดการอักเสบของข้อต่อหลายๆ ข้อทั่วร่างกาย มักมีอาการปวด บวม แดง ร้อนบริเวณข้อต่อ ผู้ป่วยอาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น อ่อนเพลีย น้ำหนักลด ปวดศีรษะ
- โรคข้อเสื่อม เป็นโรคที่เกิดจากการสึกหรอของกระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อ มักมีอาการปวด ฝืด ข้อต่อขยับได้ลำบาก ผู้ป่วยอาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดหลัง ปวดคอ
- โรคข้ออักเสบจากการติดเชื้อ เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือเชื้อราที่บริเวณข้อต่อ มักมีอาการปวด บวม แดง ร้อนบริเวณข้อต่อ ผู้ป่วยอาจมีไข้ หนาวสั่น
- โรคข้ออักเสบจากอุบัติเหตุ เกิดจากการบาดเจ็บที่บริเวณข้อต่อ มักมีอาการปวด บวม แดง ร้อนบริเวณข้อต่อ ผู้ป่วยอาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ชา อ่อนแรง
- โรคข้ออักเสบจากการทำงาน เกิดจากการใช้ข้อต่อซ้ำๆ เป็นเวลานาน มักมีอาการปวด บวม แดง ร้อนบริเวณข้อต่อ ผู้ป่วยอาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น อ่อนเพลีย ปวดหลัง ปวดคอ
หากมีอาการของโรคไขข้อ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง