Skip to content
|
ศูนย์โรคทางเดินอาหารและตับ
โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต
|
|
ศูนย์โรคทางเดินอาหารและตับ
โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต
|
ด้วยความมุ่งมั่นที่จะให้บริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพระดับสากล ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต ให้บริการรักษาท่านด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยครบครัน และคณะแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงและมีความเชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ
บริการของศูนย์ทางเดินอาหารและตับ
|
|
- การควบคุมเลือดออกในทางเดินอาหาร
- การตรวจลำไส้เล็กด้วยวิธีการกลืนแคปซูล (Capsule Endoscopy)
- ส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ รวมถึงการตัดติ่งเนื้อภายในลำไส้ใหญ่และทวารหนัก
- รักษาอาการติดเชื้อในทางเดินอาหาร
- รักษาความผิดปกติของถุงน้ำดี
- รักษาความผิดปกติในระบบย่อยอาหาร
- รักษาอาการกลืนอาหารลำบาก
- รักษาอาการท้องผูก, ท้องเสีย, ปวดท้อง
- รักษาอาการลำไส้ใหญ่บวม
- รักษาโรคลำไส้โป่งพอง
- รักษาโรคลำไส้อักเสบ เช่น โรค Crohn’s disease, Colitis, Ulcerative colitis
- รักษาอาการเลือดออกในลำไส้และทางทวารหนัก
- รักษาอาการปวดเสียดท้อง
- กลุ่มอาการลำไส้แปรปรวน (IBS)
- ภาวะกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ
- ภาวะไขมันพอกตับ (Fatty Liver)
- ภาวะอาหารไม่ย่อย ท้องอืด ท้องเฟ้อ
- ภาวะเลือดออกในระบบทางเดินอาหาร
- โรคกรดไหลย้อน
- โรคนิ่วในระบบทางเดินน้ำดี
- โรคตับ
- โรคตับแข็ง (Cirrhosis)
- โรคตับอ่อน
- โรคตับอักเสบ
- โรคตับอักเสบจากไวรัสตับอักเสบเอ, ไวรัสตับอักเสบบี และไวรัสตับอักเสบซี
- โรคตับอักเสบที่เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ (Alcoholic Hepatitis)
- โรคตับอักเสบที่ไม่ได้เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ (Non Alcoholic Steatotic Hepatitis)
- โรคติ่งเนื้ออักเสบในลำไส้ใหญ่
- โรคทางเดินน้ำดีติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร
- โรคแผลในกระเพาะอาหาร (PUD)
- โรคมะเร็งท่อน้ำดี
|
ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ ตั้งอยู่บริเวณชั้น 1 โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต ศูนย์ทางเดินอาหารและตับให้บริการรักษาโรคระบบทางเดินอาหารโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางการวินิจฉัย และการรักษาโรคระบบทางเดินอาหารและความผิดปกติในระบบทางเดินอาหาร พร้อมด้วยเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย
- การตรวจหาภาวะพังผืดในเนื้อตับ และตรวจวัดปริมาณไขมันสะสมในตับ FibroScan
- การตรวจด้วยวิธีการกลืนแบเรียม เพื่อตรวจสอบการกลืนและการสำรอกของหลอดอาหาร
- การตรวจภาพวินิจฉัยด้วยระบบคอมพิวเตอร์ (เครื่องมือตรวจทางรังสี Spiral CT Scan) และการตรวจวินิจฉัยด้วยเครื่องเอ็มอาร์ไอ (MRI)
- การตรวจวินิจฉัยด้วยรังสีเอกซเรย์ หรือด้วยเครื่องตรวจคลื่นเสียงความถี่สูง เพื่อตรวจวินิจฉัยตับ ตับอ่อน ถุงน้ำดี ท่อน้ำดี และม้าม
- การตรวจระบบทางเดินอาหารส่วนบน เพื่อตรวจสอบการกลืน หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กส่วนบน
- การตรวจระบบทางเดินอาหารโดยทางพยาธิวิทยา (GI Pathology): ได้แก่การตัดชิ้นเนื้อเพื่อตรวจวินิจฉัยในห้องปฎิบัติการ
- การผ่าตัดใส่สายให้อาหารทางหน้าท้อง (PEG)
- การรักษาโดยวิธีการส่องกล้องเพื่อรักษาเลือดออกในทางเดินอาหารส่วนบนและส่วนล่าง
- การวิเคราะห์ด้วยวิธีการส่องกล้องทางเดินน้ำดี (ERCP) เพื่อตรวจวินิจฉัยปัญหาที่เกิดขึ้นบริเวณท่อน้ำดีหรือตับอ่อน เช่น โรคนิ่วในทางเดินน้ำดี โรคมะเร็งในถุงน้ำดี และโรคตับอ่อนอักเสบ
- การวินิจฉัยโดยการใช้เข็มขนาดเล็กตัดเนื้อเยื่อ/เก็บของเหลว/น้ำย่อย เพื่อนำไปวิเคราะห์ (Fine needle aspiration) และการตรวจชิ้นเนื้อตับ
- การสวนตรวจทวารด้วยแบเรียม (BE) เพื่อตรวจสอบการทำงานของลำไส้ใหญ่ หรือลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย
- การส่องกล้องระบบทางเดินอาหาร
- การส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหาร (Gastroscopy)
- การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy)
- การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย (Sigmoidoscopy)
- การใส่ท่อค้ำยัน (Stent) ในหลอดอาหาร, ลำไส้เล็ก, ลำไส้ใหญ่ ในกรณีที่เกิดอาการตีบหรือตัน
อายุรศาสตร์
อายุรศาสตร์โรคระบบทางเดินอาหาร
อายุรศาสตร์
อายุรศาสตร์โรคระบบทางเดินอาหาร
ติดตามข่าวสาร
จากโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต
กรุณากรอกอีเมลคุณเพื่อรับข่าวสารจากโรงพยาบาล
- ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด คัดกรองโรคเบาหวานด้วยวิธีมาตรฐาน ** ดูตารางการวินิจฉัย **
- ปรับพฤติกรรม ลดความเสี่ยง
- ควบคุมอาหาร
- เพิ่มกิจกรรมทางกาย หรือออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์
- ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม หากน้ำหนักเกิน แนะนำลดน้ำหนัก อย่างน้อย 7%
- ควบคุมรอบเอว ไม่ควรเกิน ส่วนสูงหาร 2
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- ตรวจวัดความดันโลหิตเป็นประจำ
- ควรประเมินซ้ำทุก 1 ปี
- ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด คัดกรองโรคเบาหวานด้วยวิธีมาตรฐาน ** ดูตารางการวินิจฉัย **
- ปรับพฤติกรรม ลดความเสี่ยง
- ควบคุมอาหาร
- เพิ่มกิจกรรมทางกาย หรือออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์
- ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม หากน้ำหนักเกิน แนะนำลดน้ำหนัก อย่างน้อย 7%
- ควบคุมรอบเอว ไม่ควรเกิน ส่วนสูงหาร 2
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- ตรวจวัดความดันโลหิตเป็นประจำ
- ควรประเมินซ้ำทุก 1 ปี
- ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด คัดกรองโรคเบาหวานด้วยวิธีมาตรฐาน ** ดูตารางการวินิจฉัย **
- ปรับพฤติกรรม ลดความเสี่ยง
- ควบคุมอาหาร
- เพิ่มกิจกรรมทางกาย หรือออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์
- ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม หากน้ำหนักเกิน แนะนำลดน้ำหนัก อย่างน้อย 7%
- ควบคุมรอบเอว ไม่ควรเกิน ส่วนสูงหาร 2
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- ตรวจวัดความดันโลหิตเป็นประจำ
- ควรประเมินซ้ำทุก 1 – 3 ปี
- ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด คัดกรองโรคเบาหวานด้วยวิธีมาตรฐาน ** ดูตารางการวินิจฉัย **
- ปรับพฤติกรรม ลดความเสี่ยง
- ควบคุมอาหาร
- เพิ่มกิจกรรมทางกาย หรือออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์
- ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม หากน้ำหนักเกิน แนะนำลดน้ำหนัก อย่างน้อย 7%
- ควบคุมรอบเอว ไม่ควรเกิน ส่วนสูงหาร 2
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- ตรวจวัดความดันโลหิตเป็นประจำ
- ควรประเมินซ้ำทุก 3 ปี
- ให้ทำแบบประเมินความเสี่ยงด้วยตัวเองทุก 3-5 ปี จนอายุครบ 35 ปี