เป็นโรคติดต่อในระบบทางเดินหายใจที่มีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งในช่วงแรกจะมีอาการคล้ายเป็นหวัด เช่น ไอ มีไข้ น้ำมูกไหล หลังจากนั้นผู้ป่วยจะมีอาการไอต่อเนื่องอย่างรุนแรงติดต่อกันนานเกิน 2 สัปดาห์ และมีเสียงไอที่เป็นเอกลักษณ์หรือเสียงดัง “วู้ป” (ไอมีเสียงที่เกิดจากการหายใจลำบาก) ในทารกหรือเด็กเล็กอาจไม่พบอาการไอ แต่จะมีปัญหาเกี่ยวกับการหายใจ ไอกรนเป็นโรคติดต่อจากคนสู่คน โดยเชื้อสามารถแพร่กระจายได้จากการไอหรือจาม สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกวัย ทารกและเด็กเล็กจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้มาก ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
อาการ
- ไอ ติดต่อนานเกิน 2 สัปดาห์
- มีน้ำมูก
- มีเสียงของลมหายใจดัง “วู้ป”
- อาเจียน ในขณะไอหรือหลังอาการไอ
- มีอาการหน้าเขียวหรือหน้าแดงหลังอาการไอ
- รู้สึกเหนื่อยมากหลังอาการไอ
การป้องกัน
- การให้วัคซีนในเด็กทารกแรกเกิด โดยปกติแล้ววัคซีนไอกรนจะบรรจุรวมอยู่ในวัคซีนเข็มรวมป้องกันทั้งหมด 3 โรค ได้แก่ ไอกรน คอตีบ และบาดทะยัก บางยี่ห้อนำไปรวมกับวัคซีนป้องกันตับอักเสบชนิดบี บางยี่ห้อรวมกับวัคซีนป้องกันโปลิโอชนิดฉีด หรือบางยี่ห้อรวมกับวัคซีนป้องกันโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อฮิบ เป็นต้น
- การให้วัคซีนในหญิงตั้งครรภ์ โดยปกติกลุ่มนี้จะได้รับวัคซีนป้องกันบาดทะยักอยู่แล้ว แนะนำให้รับเป็นวัคซีนรวมที่มีไอกรนรวมอยู่ด้วย โดยควรได้รับเมื่ออายุครรภ์ 27-36 สัปดาห์
- การให้วัคซีนกับผู้ใหญ่ที่อยู่ในบ้านที่มีเด็กเล็ก เพื่อป้องกันการเกิดโรคในผู้ใหญ่ที่จะแพร่เชื้อไปยังเด็กได้
ข้อแนะนำ ! หากพบว่ามีอาการไอเรื้อรังนานติดต่อกันเกิน 2 สัปดาห์ ควรป้องกันการแพร่เชื้อโดยสวมหน้ากากอนามัย และรีบไปพบแพทย์ เนื่องจากอาการดังกล่าวมีความเสี่ยงที่จะป่วยเป็นโรคไอกรนได้