Skip to content
|
ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพและกายภาพบำบัด
โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต
|
|
ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพและกายภาพบำบัด
โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต
|
ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ รพ.กรุงเทพภูเก็ต ให้บริการดูแลรักษา ป้องกัน ส่งเสริม และฟื้นฟูสมรรถภาพอย่างครบวงจร รวมถึงให้คำปรึกษาสำหรับผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอกเกี่ยวกับกายภาพบำบัด กิจกรรมบำบัดโดยให้การบำบัดรักษากลุ่มโรคสำคัญ
บริการของศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ
|
|
การตรวจวินิจฉัย
- Electrodiagnosis การตรวจวินิจฉัยไฟฟ้าของระบบประสาทและกล้ามเนื้อเพื่อตรวจวัด และคาดการณ์ความผิดปกติของกล้ามเนื้อและประสาทที่มีปัญหา
- Musculoskeletal Ultrasound เพื่อดูภาพการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น ซึ่งสามารถมองเห็นได้แม้ว่ามีการอักเสบและ/หรือ ฉีกขาดเพียงเล็กน้อย
การป้องกัน รักษา และฟื้นฟูสุขภาพ
- การฟื้นฟูผู้ป่วยไขสันหลังบาดเจ็บ
- การฟื้นฟู การเดินด้วยเครื่อง Antigravity Treadmill
- กายภาพบำบัดในกลุ่มอาการกล้ามเนื้ออักเสบ
- การฟื้นฟูผู้ป่วยอัมพาตครึ่งซีก
- การทำกายภาพบำบัดในกลุ่มอาการกล้ามเนื้อบาดเจ็บเฉียบพลัน
- การทำกายภาพบำบัดในผู้ป่วยศัลยกรรมทรวงอกหลังผ่าตัด
- การดึงคอ (Cervical Traction)
- การดึงเอว (Pelvic Traction)
- การประคบแผ่นร้อนชื้น (Hot Compression)
- การรักษาด้วยกระแสไฟอินเตอร์เฟอเรนเชียล (IFC)
- การรักษาด้วยขี้ผึ้ง (Paraffin)
- การรักษาด้วยเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าผ่านผิวหนัง (TENS)
- การรักษาด้วยคลื่นอัลตราซาวด์
- การรักษาทางกายภาพบำบัดในผู้ป่วย Bell’s palsy
- การรักษาอาการกล้ามเนื้อหัวไหล่บาดเจ็บ
- การออกกำลังกายในผู้ป่วยเบาหวาน
- การออกกำลังกายเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพหัวใจ
- การทำกายภาพบำบัดในผู้ป่วยหลังผ่าตัด
- การดูแลเด็กพัฒนาการช้า
- การออกกำลังกายเพื่อการรักษา เช่น โยคะคุณแม่ตั้งครรภ์, พิลาทีสบำบัดอาการปวดหลัง
- การฟื้นฟูภาวะหลังผ่าตัดข้อเข่าเทียม, ข้อสะโพกเทียม
- การฟื้นฟูภาวะหลังผ่าตัดส่องกล้องหัวไหล่, กระดูกสันหลัง
|
|
ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ ตั้งอยู่บริเวณชั้น 1 ของโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต และเมื่อท่านมาใช้บริการที่ศูนย์ของเรา ท่านจะได้สัมผัสถึงบรรยากาศที่อบอุ่น และการบริการที่ดีที่สุดจากแพทย์ พยาบาล นักกายภาพบำบัดและบุคลากรของโรงพยาบาล เรามุ่งมั่นที่จะให้การรักษาที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยทุกท่าน พร้อมด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย สถานที่สวยงาม โอ่โถง สะอาด ถูกสุขลักษณะ และสิ่งอำนวยความสะดวกทางการแพทย์ต่างๆ อาทิเช่น:
- การตรวจคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ (Electromyography)
- การตรวจความเร็วการนำสัญญาณประสาท (Nerve Conduction Velocity)
- ลู่วิ่งกึ่งไร้นำหนัก (Anti-Gravity Treadmill) เป็นเครื่องออกกำลังกายสำหรับผู้ที่เดินไม่สะดวก เนื่องจากภาวะปวดเข่า ข้อเท้า กล้ามเนื้อขาอ่อนกำลัง สูญเสียสมดุลการทรงตัว มีภาวะเสี่ยงต่อการล้ม ผู้สูงอายุหรือผู้ที่ต้องการออกกำลังกายโดยการวิ่งแบบถนอมข้อเข่าหรือข้อเท้า
- เครื่องมือกายภาพบำบัด เช่น การรักษาด้วยเครื่องอัลตราซาวด์ เครื่องเลเซอร์ เครื่องกระตุ้นไฟฟ้า เครื่องดึงคอ-หลัง
- เวชภัณฑ์ที่เหมาะสมกับอาการบาดเจ็บ
- Shockwave Therapy สำหรับรักษาเอ็นกล้ามเนื้อบาดเจ็บเรื้อรัง
ติดตามข่าวสาร
จากโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต
กรุณากรอกอีเมลคุณเพื่อรับข่าวสารจากโรงพยาบาล
- ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด คัดกรองโรคเบาหวานด้วยวิธีมาตรฐาน ** ดูตารางการวินิจฉัย **
- ปรับพฤติกรรม ลดความเสี่ยง
- ควบคุมอาหาร
- เพิ่มกิจกรรมทางกาย หรือออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์
- ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม หากน้ำหนักเกิน แนะนำลดน้ำหนัก อย่างน้อย 7%
- ควบคุมรอบเอว ไม่ควรเกิน ส่วนสูงหาร 2
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- ตรวจวัดความดันโลหิตเป็นประจำ
- ควรประเมินซ้ำทุก 1 ปี
- ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด คัดกรองโรคเบาหวานด้วยวิธีมาตรฐาน ** ดูตารางการวินิจฉัย **
- ปรับพฤติกรรม ลดความเสี่ยง
- ควบคุมอาหาร
- เพิ่มกิจกรรมทางกาย หรือออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์
- ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม หากน้ำหนักเกิน แนะนำลดน้ำหนัก อย่างน้อย 7%
- ควบคุมรอบเอว ไม่ควรเกิน ส่วนสูงหาร 2
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- ตรวจวัดความดันโลหิตเป็นประจำ
- ควรประเมินซ้ำทุก 1 ปี
- ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด คัดกรองโรคเบาหวานด้วยวิธีมาตรฐาน ** ดูตารางการวินิจฉัย **
- ปรับพฤติกรรม ลดความเสี่ยง
- ควบคุมอาหาร
- เพิ่มกิจกรรมทางกาย หรือออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์
- ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม หากน้ำหนักเกิน แนะนำลดน้ำหนัก อย่างน้อย 7%
- ควบคุมรอบเอว ไม่ควรเกิน ส่วนสูงหาร 2
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- ตรวจวัดความดันโลหิตเป็นประจำ
- ควรประเมินซ้ำทุก 1 – 3 ปี
- ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด คัดกรองโรคเบาหวานด้วยวิธีมาตรฐาน ** ดูตารางการวินิจฉัย **
- ปรับพฤติกรรม ลดความเสี่ยง
- ควบคุมอาหาร
- เพิ่มกิจกรรมทางกาย หรือออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์
- ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม หากน้ำหนักเกิน แนะนำลดน้ำหนัก อย่างน้อย 7%
- ควบคุมรอบเอว ไม่ควรเกิน ส่วนสูงหาร 2
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- ตรวจวัดความดันโลหิตเป็นประจำ
- ควรประเมินซ้ำทุก 3 ปี
- ให้ทำแบบประเมินความเสี่ยงด้วยตัวเองทุก 3-5 ปี จนอายุครบ 35 ปี